วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ก่อนจะคิด รู้จักกันดีพอหรือยัง

A real king is greater than his crown. A real man is more than his clothes.

ความเป็นคนไม่ได้อยู่ที่เสื้อผ้า ความเป็นราชาไม่ได้อยู่ที่มงกุฎ



อย่างที่ใครต่อใครเขาพูดกัน ว่าอย่าตัดสินใครจากภายนอก
จะมีใครทำได้สักแค่ไหนกัน..
ทุกๆคนล้วนตัดสินทุกสิ่งจากภายนอก
ตัดสินจากรูปลักษณ์ที่มองเห็นเพียงครั้งแรกเสมอ
ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของก็ตาม
แล้วจะมีสักกี่คน ?
ที่จะยอมเสียเวลาสักนิดเพื่อลองมองให้นานขึ้น
พิจารณาให้มากขึ้น เพื่อให้รู้จักตัวตนหรือสิ่งที่เป็นอยู่ภายในนั้นจริงๆ






สวัสดีค่ะ อาทิตยาพร แกล้วกล้า หรือที่ทุกคนเรียกกันในชื่อเล่นว่า ผึ้ง ปัจจุบันอายุ 19 ปี กำลังศึกษาระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 2 เอกเทคโนโลยีสื่อสารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ฉันจบมัธยมปลายมาจากโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำจังหวัดขนาดใหญ่เลยทีเดียว  อย่างที่เกริ่นไว้ในตอนต้น ว่าอย่าตัดสินใจใครแค่จากภายนอก เพราะตัวฉันเอง ถ้ามองจากรูปลักษณ์ภายนอก ทุกคนคงจะเห็นเหมือนๆกันคือ ผมสั้น ดูห้าวๆ ดูน่าจะเป็นคนเกเรหรือเปล่า ซึ่งความเป็นจริงแล้ว อยากให้ทุกคนลองเสียเวลาสักนิด ลองอ่านสิ่งที่ฉันกำลังจะบอกให้ทุกคนเข้าใจในตัวของฉัน ว่าความจริงแล้วเป็นคนอย่างไร และทำไมคุณต้องรู้จักฉัน





Look my Like
                ถ้าจะให้เล่าว่าทำไมถึงอยากให้ลองอ่านเรื่องของฉัน เพราะเท่าที่ฉันเคยถามหลายๆคนที่รู้จักมาว่า 
ครั้งแรกที่เห็นกับตอนนี้ที่เคยคุยกันแล้วแตกต่างกันไหม ?  
 คนส่วนมากบอกว่าต่างกัน ตอนแรกที่เห็น ดูเหมือนเป็นคหยิ่ง ไม่ค่อยพูด บางคนบอกว่าหน้าดุจนไม่กล้าเข้ามาคุยด้วย และหลังจากที่รู้จักกันแล้วก็จะรู้ว่าฉันเป็นคนชอบฟังคนอื่นพูด ทุกคนสามารถเข้ามาพูดเพื่อปรึกษาปัญหากับฉันได้ ถ้าในเรื่องไหนที่สามารถให้คำปรึกษาหรือช่วยเหลือได้ ฉันก็จะทำเต็มที่เท่าที่จสามารถทำให้ได้ ที่เหลือนั้นตนเป็นที่พึ่งแห่งตนน่าจะดีกว่า






โดยความชอบส่วนตัว ฉันเป็นคนชอบทำอะไรที่อิสระ ทำสิ่งที่ไม่มีใครบังคับ ฉันชอบวาดรูป วาดในสิ่งที่อยากวาด วาดไปเรื่อยๆ บางครั้งภาพเหล่านั้นไม่ได้มีความหมายอะไร ฉันคิดว่าการวาดภาพนั้นเป็นการแสดงออกทางความคิดหรืออารมณ์ของบุคคลในช่วงนั้นๆได้ สามารถบอกได้ว่ากำลังโมโหหรือกำลังรู้สึกผ่อนคลาย เวลาว่างๆ ฉันชอบฟังเพลง หรือถ้าพอมีเวลาก็ออกไปข้างนอก ไปเดินเล่น ไปในที่ๆไม่เคยไป หรือถ้ามีเวลามากหน่อยฉันคงเลือกที่จะไปเที่ยวต่างจังหวัดให้จิตใจผ่อนคลาย เพื่อที่จะได้พบประสบการณ์ใหม่ๆ  ยิ่งถ้าการไปเที่ยวนั้นไม่ได้เป็นการไปที่กำหนดเวลาหรือสถานที่ว่าต้องไปที่นั่นนะ ต้องมาเจอกันเวลานี้นะ จะเป็นการท่องเที่ยวที่สบายใจมาก


 

“ง่าย” แต่ก็ “เลือก”    
ส่วนเรื่องนิสัยนั้น ฉันเป็นคนง่ายๆ ไปไหนก็ได้ กินอะไรก็ได้ ใครชวนไปไหนไปได้หมด  แต่ถึงจะชอบออกไปข้างนอกบ่อยๆ แต่ก็ต้องมีบางทีที่อยากอยู่คนเดียว อยู่เงียบๆ นั่งนิ่งๆ แบบไม่ได้คิดอะไรในสมอง เชื่อว่ามีหลายคนอยากจะอยู่นิ่งๆแบบไม่คิดอะไรวุ่นวายในสมองแต่ก็ทำไม่ได้สักที ฉันเองก็เช่นกัน มันอาจจะมีแค่ช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้นที่เราไม่ได้คิดอะไร แต่ถึงอย่างไรเมื่อตามองเห็นบางอย่าง หูได้ยินบางสิ่ง เรื่องที่เราอยากคิดหรือไม่อยากคิดมันก็จะผุดเข้ามาในสมองของเราเอง






เส้นทางที่ต้องเดิน
                ทุกคนต่างมีเส้นทางที่ต้องเดิน ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางที่ขีดขึ้นมาเอง หรือเป็นเส้นทางที่ความคาดหวังตั้งใจขีดไว้ให้ เส้นทางของฉันมีทางแยกมาตั้งแต่ช่วงประมาณตอนขึ้นชั้นมัธยมต้น แน่นอนว่าเด็กทุกคนเมื่อมีเพื่อนแล้วก็ไม่มีใครอยากจะเปลี่ยนเพื่อนใหม่ หลายคนอยากจะอยู่กับเพื่อนคนเดิม ฉันเองก็เช่นกัน แต่เส้นทางการเรียนก็ทำให้ฉันต้องเปลี่ยนโรงเรียน ตอนมัธยมต้นนี้ไม่ค่อยมีปัญหา แต่พอมาเข้าสู่ช่วงมัธยมปลายฉันจำได้ดี ฉันเองอยากจะอยู่โรงเรียนเดิมซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนประจำจังหวัด แต่เมื่อถึงเวลา แม่ฉันอยากให้ไปลองสอบเข้าโรงเรียนรัฐบาลประจำจังหวัดดูบ้าง เผื่อว่าจะติด ผลเป็นไปดังคาด ฉันสอบติดสายวิทย์-คณิต ซึ่งฉันไม่ชอบสายการเรียนนี้เอาเสียเลย ฉันคุยกับแม่หลายครั้งว่าอยากจะเปลี่ยนไปเรียนสายศิลป์-ภาษา แต่แม่ก็บอกว่าให้ลองเรียนดูก่อน พอถึงวันเปิดเทอม เปิดเทอมวันแรกพอเห็นตารางเรียนฉันก็ถอดใจแล้ว คณิตศาสตร์ 2 ชั่วโมง ชีววิทยา 2 ชั่วโมงติดๆกัน เมื่อรู้ตารางเรียนและลองเรียนไปแล้วฉันคิดว่าฉันเรียนไม่ไหว จึงลองไปคุยกับแม่อีกครั้งหนึ่ง แม่จึงยอมให้เปลี่ยนสายการเรียนเป็นศิลป์-ภาษาต่างประเทศ(เยอรมัน) ซึ่งก็ทำให้ฉันพอเรียนไปไหว เพราะภาษาเยอรมันก็มีรากศัพท์มาจากภาษาอังกฤษในบางคำ ต่อเนื่องมาจนถึงตอนขึ้นมหาวิทยาลัย ฉันก็มาสอบในรอบรับตรงของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ(มศว)  สารภาพกันตรงนี้เลยว่าตอนที่เพื่อนมาชวนไปสอบนั้นฉันยังไม่รู้จักด้วยซ้ำว่าคืออะไร แต่พอเพื่อนมาชวนไปสอบ เลยกลับไปลองเปิดหาชื่อมหาลัยในอินเตอร์เน็ตแล้วก็ลองหาคณะที่น่าสนใจแล้วก็ลองมาสอบ เมื่อสอบไปแล้วก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากเพราะวันสอบมีคนมาสอบมากมาย ซึ่งตัวฉันเองก็ไม่ใช่คนเรียนเก่งอะไร ฉันคิดว่าคงไม่มีใครอยากไปเรียนไกลจากบ้านตัวเองสักเท่าไหร่ ฉันเองก็อยากจะเรียนในมหาลัยใกล้บ้าน คือมหาวิทยาลัยขอนแก่น แต่เนื่องจาก สอบไม่ติด.. รวมทั้งผลรอบสอบตรงของมศวประกาศว่าฉันสอบติดแล้ว จึงเกิดการคุยกันครั้งใหญ่ของฉันและแม่อีกครั้ง แม่อยากให้ฉันเป็นครูจึงเห็นด้วยที่จะให้ฉันมาเรียนที่มศว คุยกันหลายต่อหลายครั้งฉันก็คิดได้ว่า เส้นทางนี้มันอาจจะเป็นเส้นทางที่ฉันต้องเดินต่อไปจริงๆ ฉันจึงยอมที่จะมาเรียนที่นี่ ที่มศวนี้ทำให้ฉันได้รับประสบการณ์ต่างๆมากมาย เจอเพื่อน เจอพี่ เจอประสบการณใหม่ๆ โดยเฉเพาะประสบการณ์ไกลบ้าน แต่ทุกอย่าง ทุกคนทำให้ฉนไม่เหงา ทำให้ฉันสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น